คร่าวๆในตลาดแรงงาน มีที่พอนึกออกนะครับ
1. สายโปรแกรมเมอร์ ตลาดงานกว้างที่สุด แต่ก็มีความหลายหลายมากที่สุดเช่นกัน สายนี้ยังแบ่งออกมาเป็นโปรแกรมเมอร์เฉพาะทางอีกไม่น้อยกว่า 4 สาย(แบบหยาบที่สุด ถ้าแบ่งโดยใช้โมเดลอีกแบบจะมีมากเกิน 10 สาย) เช่น พัฒนาเว็บ(Web Application) พัฒนาโปรแกรมบนคอม (System Application หรือ Console Application) พัฒนามือถือ (Mobile Application) พัฒนาเครื่องมืออิเล็คทรอนิคส์ (Electronic device) ใบเซอร์ที่ใช้จะเน้นสอบตามภาษาโปรแกรมที่ใช้เป็นหลัก เช่น .Net Java เป็นต้น บ.ที่จะรับก็กว้างมาก มีตั้งแต่บ.ที่ผลิดซอฟแวร์ขาย(software house) ยัน ผลิตไม้จิ้มฟัน ซึ่งต้องการมีระบบไอทีเป็นของตัวเอง(in-house software) งานน่าปวดหัวมากที่สุด เป็นสายที่ learning curve สูงที่สุดในงานไอทีทุกสาย ต้องเรียนรู้ทั้งภาษาโปรแกรม การออกแบบโปรแกรมและระบบที่จะใช้โปรแกรมนั้น(Domain knowledge) เช่น อาจต้องไปรู้บัญชี การเงิน การธนาคาร เกมส์ trading คณิตศาสตร์ ธุรกิจ อิเล็คทรอนิกส์ การจัดการ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ศิลปะ การบิน มัลติมีเดีย การแพทย์ ยันอวกาศเลย ขึ้นกับว่าเขียนให้ใคร แต่สามารถไปรับงานนอกได้ ทำกิจการของตัวเองได้ โอกาสเติบโตสูง เงินเดือนพอสมควร ตกงานยาก(เพราะทุกด้านต้องการระบไอที)
2. สาย IT Support หรือ System Engineer ทำงานเกี่ยวกับดูแลและออกแบบระบบงานไอทีให้องค์กร แต่หลักๆ คือ บำรุงรักษา (maintenance) เนื่องจากการวางรากก็มักจะใช้ out source มาวางให้แต่แรก งานที่เหลือจึงมีเพียงดูแล บำรุงระบบเฉยๆ งานสบายกว่าแบบแรก แต่โอกาสเติบโต เงินเดือนย่อมน้อยกว่าแบบแรก ใบเซอร์ที่สำคัญๆ ก็ Microsoft, Linux , CCNA (ระดับสูงกว่าหน่อย)
3. ด้านผู้ให้คำปรึกษา บางทีเรียกสาย ERP consult เป็นสายเกิดใหม่ เป็นการรวมกันทางด้าน เทคนิเชี่ยนและบริหาร (Technical knowledge + Management) คือ ใช้ซอฟแวร์เฉพาะด้านรวมไปถึง Customize มัน เพื่อให้เหมาะกับงานบริหารองค์กรนั้นๆ จัดเป็นสายงานที่เงินเดือนดีสูงอันดับต้นๆในจำนวนงานไอทีทั้งหมด เพราะมันมีด้านบริหารมาเกี่ยวข้องแต่เหนือกว่าที่เป็นบริหารที่พึ่งความสามารถทางเทคนิค่อลด้วย ข้อเสีย คือ ค่าอบรมและสอบใบเซอร์ แพง!! เป็นแสนๆได้ เช่น SAP เป็นต้น และเพราะความที่ยึดติดกับผลิตภัณฑ์ซอฟแวร์มากเกินไป ทำให้จะมีความรู้เฉพาะทางและข้ามไปทำสายอื่นยาก ขณะที่สายอื่นวิ่งมาเรียนสายนี้ได้ และถ้าวันใด SAP ล้มก็จบเห่
4. สาย Pure networking สายนี้ต่างกับสาย System Engineer ที่เน้นด้านการสื่อสารข้อมูลทางไกล และเน็ทเวิร์คกิ้งโดยเฉพาะ (ขณะที่สาย System จะดูในส่วนของระบบคอมในองค์กรนั้นๆเป็นส่วนใหญ่) จะเล่นกับอุปกรณ์ทางเน็ทเวิร์คโดยตรง เช่นเร้าท์เต้อ บริดจ์ สวิทซ์ ต้องมีความรู้เกี่ยวกับระบบโมเดล OSI ระบบเลเยอร์ชั้นสื่อสาร(แต่จะไปเกี่ยวจริงๆแค่ชั้น Network ถึง Application layer มากกว่า) TCP/IP Routing Protocol อะไรเทือกนี้ ใบเซอร์ที่เกี่ยวข้องกับสายนี้จึงเกี่ยวพันกับอุปกรณ์ด้านเน็ทเวิร์คและบริษัทที่ผลิตอุปกรณ์เน็ทเวิร์คอย่างช่วยไม่ได้ เช่น CCNA(ของ Cisco) สายนี้หางานยากที่สุด(ในไทย) เพราะหาเรียนยาก ศึกษาเองยาก เนื่องจากต้องพึ่งพาอุปกรณ์เน็ทเวิร์ค แต่ก็คุ้มค่าและน่าสนใจ มีโอกาสเติบโตสูง ศึกษาหนักจริงๆช่วงแรก แต่เมื่อความรู้นิ่งและระบบนิ่งแล้วจะสบายขณะที่เงินเดือนก็ไม่ขี้เหร่ และอนาคตมีความต้องการมาก เพราะโลกกำลังก้าวเข้าสู้ยุคของ Cloud computing ที่มีความต้องการระบบเน็ทเวิร์คที่เสถียรและเชื่อถือได้สูง
5. สาย Data Analysis จะเป็นสายที่เกี่ยวข้องกับฐานข้อมูลเยอะ มีความเกี่ยวข้องกับสายโปรแกรมเมอร์เล็กน้อยเพราะจะมีการ query ข้อมูลและเก็บข้อมูลลง record ต่างๆ รวมไปถึงการทำ report ใช้ Dash board ซึ่งบางทีก็มีเรื่องเว็บโปรแกรมมิ่งมาผสมด้วย ใช้ซอฟแวร์ฐานข้อมูลต่างๆด้วย เช่น MS Access, SQL(อ่านว่า ซีควอล), Oracle รวมไปถึงต้องมีความรู้เกี่ยวกับการออกแบบฐานข้อมูล ฟอร์แมทที่ใช้เก็บ เช่น XML ฉะนั้นประกาศนียบัตรก็จะมีของ Oracle SQL เทือกนี้ และบางทีก็มีการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงสถิติ อาจจะต้องใช้ซอฟแวร์สถิติขั้นสูงอย่าง SPSS ได้ด้วย ซึ่งหากทำได้ เงินเดือนก็มักจะสูงตาม แต่ก็มักไม่ค่อยต้องการระดับนั้น
6. สาย วิชาการหรือ Researcher พูดง่ายๆ คือ สายอาจารย์และนักวิจัย อิอิ จะรวมทุกสายทั้ง 5 ข้างต้น + ไม่สามารถระบุประเภทได้อีกเป็น 10 ไม่ต้องการใบเซอร์เท่าไหร่ ต้องการแต่ใบปริญญา
ที่พูดมาข้างต้นคือที่พอนึกออกนะครับ ที่จริงหลังๆจะมีสายที่ประหลาด พิลึก พิศดารกว่านี้อีก แต่ขอจับรวมไปที่ประเภทที่ 6 หมด เพราะในไทยยังไม่รู้จักมากนัก
ใน คห.ผม ลองศึกษาเกี่ยวกับสายงาน IT โดยรวมแล้วมุ่งไปทางเดียวให้เก่งเลยจะดีที่สุด ไม่ยังงั้นจะมีสภาพไม่ต่างอะไรกับแรงงาน IT ในบ้านเราส่วนใหญ่ คือ เป็นเป็ด ทำได้ทุกอย่าง แต่ไม่ลึก ผลที่ออกมา คือ ค่าแรงถูก แต่ทำงานหนัก
ว่าแต่ทำไมอยากมาทำงานสายไอทีอ่ะครับ มีแต่คนไอทีจะหนีไปทำสายอื่นกันแล้วนะ เพราะค่าแรงใช่จะดีอะไรมากมาย - -"